สิทธิบ้านหลังแรก ... คอนโด Low Rise ....VS..... คอนโดมิเนียม High Rise .. ความใฝ่ฝันคอนโดหลังแรกในชีวิตทุกๆ คน :P



เป็น ความใฝ่ฝันของทุกๆ คน รวมถึงผมที่จะมีบ้านหลังแรก ในชีวิต ................. เหมือนอะไรต่างๆ ที่เรียกว่า  ~~  ครั้งแรก ~~ มันเป็นความทรงจำที่ดี กับทุกๆ คนครับ



คอนโด สมัยนี้ วัยรุ่นจบทำงานใหม่ หรือวัยรุ่นวัยเรียนหรือวัยต่างๆ ต่างก็ชอบในการอยู่ในสังคมเมือง
หรือแม้แต่ สังคมชานเมือง แต่มีรถไฟฟ้า หรือรถไฟใต้ดินผ่าน เพื่อการสะดวกในการเดินทาง (รวมถึงผมด้วย)  บ้านหรือคอนโดหลังแรกก็เป็นความใฝ่ฝันของทุกๆ คนรวมผมด้วยอีกแล้ว haha
การลงทุกหรือเป็นหนี้นั้น ก็ต้องให้คุ้มค่ากับเงินก้อนอนาคตที่เราเสียไป ผมจะมาแยกคร่าวๆ ให้ดูละกัน
เพราะถ้าผมจะซื้อก็จะดูประมาณนี้ ครับ .......... ( ที่เหลือก็แล้วแต่ ความคิดทุกๆ ท่านน่ะ ^^ )


คอนโดสมัยนี้ ถูกครับ 6 แสนปลายๆ ซื้อได้แล้วกับ LPN ลุมพินี (จะถูกไปไหน แต่โครงการดีน่ะครับ o_O)  ไม่นับกับ สิทธประโยชน์กับโครงการบ้านหลังแรกอีก  ....... บร๊ะเจ้า ชาบูๆ  ..........  
ข้อดีของโครงการบ้านหลังแรก คือ - ดอกเบี้ย 0% ในเวลา 3 ปี ให้กู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท พร้อมกับ ปีที่ 4 – 7 ได้ดอกเบี้ย MRR – 0.5  และ ปีที่ 8 เป็นต้นไปได้ดอกเบี้ย MRR – 1 หรือ MRR – 0.5%
ถูกมั้ยหล่ะครับ  0% 3 ปี ก็สบายๆ แล้ว
ลองสมมุติเล่นๆ น่ะครับ เช่น ซื้อคอนโดราคา 1 ล้าน กู้ได้ 1 ล้านเต็ม อัตราดอกเบี้ย 0% เวลา 3 ปี 
ผ่อนต่อเดือนประมาณ 5,000 กว่าบาท  หลัง 3 ปี ปรับเป็นผ่อนต่อเดือนประมาณ 7,000 กว่าบาท 
ก็โอเคน่ะครับ สำหรับคนอยากมีคอนโดหลังแรก






ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เอาแค่สำคัญๆ น่ะครับ (อยากให้อ่านง่ายๆ ^^) การใช้สิทธิบ้านหลังแรก
 -- เป็นเจ้าของอย่างน้อย 5 ปี ห้ามขายน่ะ!!  --  คอนโดหรือบ้าน ต้องมือหนึ่ง โอนภายใน 31 ธ.ค.55 --
-- ไม่เคยเป็นเจ้าของบ้านหรือคอนโดมาก่อน (จิงอ่ะเพราะชื่อว่าบ้านหลังแรกหนิ Y_Y) --
--  กู้ไม่เกิน 30 ปี อายุไม่เกิน 65 ปี  -- ราคาบ้านหรือคอนโด ไม่เกิด 5 ล้านบาท --


ตัวอย่าง Low Rise คอนโด ครับ LPN ลุมพินี ที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่  ( ถูก+ดัง! )  










อย่าง Low Rise คอนโด จะมีโครงการ เช่น ของ


- ลุมพินี LPN  ของ LPN Development, Plc.  ราคาตั้งแต่ 7 แสนกว่าบาท ถึง 2 ล้านกว่า (ถูกมากๆๆ)
- KensingtoN Condominium, Notting Hill Condominium,  Sense of Londonm ของ Origin Property  
  รายใหม่ราคาอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านกว่าๆ ถึง 2 ล้าน จะอยู่แถบลาซาน แบริ่ง
- Ables Condo  ของ  เดย์เกน กรุ๊ป                 ราคาประมาณ 2 ล้าน - 3 ล้าน
- Tree Condo LUXE คอนโด   ของ Big Tree Asset Co.,Ltd.   ราคา ก็ 1 ล้านกว่า ๆ ไปถึง 3 ล้านได้ ตาม  
  พื้นที่ครับ
- Metro  ของ  Property Perfect Plc.   ราคาเริ่มต้นประมาณ  2.3 ล้าน ขึ้นไป  ตามพื้นที่

- Chateau in Town  ของ Cmc,plc.  เริ่มต้น 1.8 ล้าน  ตามพื้นที่


ตัวอย่าง High Rise คอนโด หลากหลายโครงกรครับ














ในส่วนของ High Rise คอนโด เช่น โครงการของ

- IDEO BLUCOVE     ของ  Ananda Development, Plc.  ราคาประมาณ  3ล้านกว่า ถึง 5 ล้านกว่า  
   ขึ้นอยู่กับ ทำเลและพื้นที่ที่ตั้งครับ   (แพงจริง แต่  facility ครบครันครับ ..... ^^)
- The Issara Ladprao ดิ อิสสระ ลาดพร้าว     ของ   C.I.N Estate ในเครือ ชาญ อิสสระ   ราคาประมาณ 
  3 ล้าน ถึง 13 ล้าน  ตามพื้นที่เลยครับ
- Ivy Ampio  ของ  Pruksa Real Estate, Plc.    ราคาประมาณ 3 ล้านกว่า ถึง 10 ล้านกว่า ตามพื้นที่   
SUPALAI WELLINGTON   ของ ศุภภาลัย      ราคา ประมาณ 3 ล้าน ถึง 10 กว่าล้าน  ตามพื้นทืี่
- Grand Belle หรือ Belle Avenue   ของ  Belle Development Company Limtied  ราคา 3 ล้านขึ้นไป
- U Delight   ของ  Developer : Grand U
- Sense   ของ  PN Real Property Co., Ltd.  ราคา  2 กลางๆ ขึ้นไป  ตามพื้นที่

ประมาณนี้ครับ แต่โครงการเยอะมากครับ ผมเอาแค่ยกตัวอย่างน่ะครับ 
ลองดูกันน่ะ 






--------------------------------------------------------


สำหรับคอนโดมิเนียมนั้น  แต่ละโครงการ  ก็จะแบ่งเป็น
Low Rise พูดง่ายๆ ก็ ถูกสุด จะมี 7-9 ชั้น
Middle Rise ราคากลางๆ   จะมี  12-18  ชั้น
High Rise แพงสุด  จะมี  20  กว่าชั้นขึ้นไป


แต่ละโครงการก็จะเลือกว่าโครงการของเรานั้น เป็นแบบไหน
ในส่วนของ High Rise ทำไมมันแพงกว่า Low Rise เยอะมาก เพราะ คอนโด High Rise จะมีข้อจำกัดทางกฎหมายมากกว่าทั้ง ควบคุมพื้นที่ประโยชน์ใช้สอย กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม และ จะมี facility เยอะกว่า ห้องเยอะกว่า ทำกำไรได้มากกว่า สร้างก็นานกว่า


-------------------------------------------------------------------


ผมจะยกตัวอย่าง แบบผมในการเลือกซื้อคอนโดน่ะครับ (แล้วแต่ทุกๆ ท่านเลยน่ะ ... ไม่ว่ากัน นี่เป็นแบบผม อิอิ)
1. ดูงบประมาณ เราว่ามีเท่าไร ซึ่งสามารถกู้ธนาคารได้ 90% -100% เลยทีเดียว หรือใครจะจ่ายเต็มก็ได้ครับ
2. ดูทำเล พื้นที่ที่อยู่ หรือ อาจจะแนว รถไฟฟ้า BTS หรือ MRT หรือ Apl(สำคัญมาก สะดวกสุดๆ Express Transport )
3. ดูว่า งบประมาณ ได้ Low rise หรือ High rise และชอบโครงการไหนบริเวณนั้น ราคาพอใจ (พอใจต้องคำนวณแล้วซื้อได้น่ะครับ ไม่ใช่ซื้อไม่ได้ จะพอใจหรือเปล่า 555+)
4. ดูโครงสร้าง(แข็งแรง) ดูเจ้าของโครงการ (ไม่ล่ม TT!) ดูจำนวน Unit (ไม่แออัด มีที่จอดรถ เพราะบางที่ให้มาแค่ 30% จะจอดรถที่ไหนหว่า TT)
5. ดู Facility ว่ามีให้เยอะหรือป่าว อันนี้ก็สำคัญจะครับ ใครบอกไม่สำคัญ (เถียงๆ 55+) เวลาเราพักผ่อนจากงานเย็นๆ หรือเสาร์อาทิตย์ ต้องการพักผ่อนหรือเปล่า ..... เช่น สระว่ายน้ำ , Fitness, ห้องสมุด, สวนหย่อม, ร้านค้าต่างๆ นานา  บางที่พวก High rise จะมี Golf Driving Simulator, ห้อง Business Room, ซาวน่า หรือห้องจิบไวน์ .....บลาๆ  ไป
6. สำคัญ คือความสะดวก ครับ  (ถ้าไม่สะดวก ไม่ควรซื้อ ไปซื้อบ้านเป็นหลังอยู่ชานเมืองดีกว่า ราคาพอๆ กัน แล้วนั่งรถเมย์เข้ามาก็ได้   .......  แหะๆ อันนี้ขำๆ ครับ)


ครับ .....  พูดอะไรต่อดี ..... จบดีๆ แบบ ดื้อๆ อีกแล้วครับท่าน
    ฮ่าๆ    อย่ารำคาญน่ะ  ......  เลือกสิ่งที่เป็นบ้านหลังแรก ให้คุ้มกับ เม็ดเงินที่เสียทั้งเหงื่อและน้ำตา น่ะครับ 


สำหรับคนที่อยากจะศึกษาแบบจริงจังหรือละเอียด ไปที่เว็บ


http://thinkofliving.com/    


http://www.prakard.com/


 Wing_forth@hotmail.co.uk       Credit by HanongForthZ  
      --  ขอบคุณที่  Follow น่ะครับผม  --